สมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ เผยผลสำรวจความนิยมในการทำศัลยกรรม พบประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก โดยผลงานวิจัยดีเด่นของอาจารย์จุฬาฯพบว่า นิสิตนักศึกษาเสริมจมูกมากที่สุด เพราะไม่พึงพอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง...
สมาคมศัลยกรรมเสริมความ งามนานาชาติ เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มการทำศัลยกรรมใน 25 ประเทศ พบว่า ประเทศที่ทำศัลยกรรมมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมา คือ บราซิล จีน อินเดีย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 20 ของโลก ทั้งนี้ ธุรกิจศัลยกรรมในประเทศไทย มีมูลค่าสูงถึง 14,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปี
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น ได้มีผลงานวิจัยดีเด่นเรื่อง “อิทธิพลของความนิยมความสมบูรณ์แบบต่อเจตคติในการทำศัลยกรรมเสริมความงาม โดยมีการนำเสนอตนเองด้วยความสมบูรณ์แบบและการซึมซับจากวัฒนธรรมสังคมเป็นตัวแปรส่งผ่าน” ของน.ส.กมลกานต์ จีนช้าง อาจารย์ประจำสาขาวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ใช้กลุ่มตัวอย่างจากนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ 4 แห่ง และเอกชน 4 แห่ง รวม 635 คน แบ่งเป็นภาครัฐ 375 คน และเอกชน 260 คน พบว่า นิสิตนักศึกษามีการทำจมูกมากที่สุด รองลงมาเป็นการยิงเลเซอร์ลบริ้วรอย ทำตา เสริมหน้าอก และผ่าตัดแก้ไขรูปหน้า
จากการวิจัยพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศัลยกรรมเสริมความงามได้รับความนิยม เกิดจากความไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเอง จึงต้องการจะเปลี่ยนแปลงให้รูปร่างหน้าตาดูดียิ่งขึ้น หลายคนมักจะหมกมุ่นกับเรื่องความงามและรูปร่างหน้าตาเป็นสำคัญ เป็นคนมีลักษณะวัตถุนิยมสูง และมีแนวโน้มในการมองร่างกายเป็นเสมือนวัตถุ การทำร่างกายให้ดูดีโดดเด่นด้วยการทำศัลยกรรม ทำให้ตนเองรู้สึกว่ามีคุณค่าและความภาคภูมิใจ