Higgs Boson - ได้รับการคาดหวังจากวงการฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลังนักฟิสิกส์แห่ง CERN ประกาศความสำเร็จของการตามล่า Higgs Boson หรือได้รับการขนานนามว่า “อนุภาคพระเจ้า” และล่าสุด ค่าความมั่นใจ ของการค้นพบมีระดับความน่าเชื่อถือได้ ตามหลักฟิสิกส์ 99.9999 % ก่อนออกแถลงอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ !!
หลังจากจบเรื่องราวของโฟตอนเดี่ยว อนุภาคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีความเร็วอยู่ภายใต้ความเร็วแสง ทำให้ข้อยุติเรื่องการเดินทางข้ามเวลาของมนุษย์ถูกชะลอเอาไว้ก่อน แต่กับ Higgs Boson หรือ อนุภาคประเจ้า นี้อาจจะกำลังพลิกโฉมจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่
นักฟิสิกส์กำลังตามล่า Higgs Boson จากหลอดเร่งอนุภาคนี้
Higgs Boson หรือที่ได้รับการขนานนามว่า อนุภาคพระเจ้า เป็นจิ๊กซอร์ชิ้นสุดท้าย ที่จะอธิบายปรากฏการณ์พื้นฐานทางฟิสิกส์ ของการเกิดมวล จากอนุภาคพื้นฐานที่เป็นแสง การค้นหาดังกล่าวสามารถคำนวณน้ำหนักได้อยู่ในช่วง 115.5 ถึง 131 Gigaelectronenvolt ( GeV ) และพบบ่อยที่สุดคือ 126Gigaelectronenvolt ( GeV )
โดยตอนนี้นักฟิสิกส์แห่ง CERN ให้ค่าความน่าเชื่อถือนี้ที่ 99.9999 % ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ที่ 4 sigma ขณะที่ นักฟิสิกส์หัวกะทิรวมทั้ง Peter Higgs ผู้คาดการณ์เกี่ยวกับ Higgs Bosonในวัยเกษียณได้ถูกรับเชิญเข้าร่วมการแถลงการณ์ครั้งนี้ด้วยที่ สวิซเซอร์แลนด์
Peter Higgs ศาสตราจารย์ด้านอนุภาค ได้ถูกเชิญให้ร่วมการแถลงของเหล่านักฟิสิกส์แห่ง CERN
Higgs Boson ได้ถูกสัณนิษฐานขึ้นเมื่อ 48 ปีที่ผ่านมา มันคือกุญแจสำคัญของกำเนิดแห่งจักรวาล ซึ่ง Peter Higgs ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ได้อธิบายว่า Higgs Boson คือ เซเลปที่มางานปาร์ตี้ อนุภาคพื้นฐาน ซึ่งเป็นแขกในงานทั่วไป จึงเข้ามารุมล้อม จนเกิดสนามพลังงาน Higgs ขึ้นมา เมื่อเซเลปย่างกราย แขกทั่วไปก็จะเคลื่อนตามเซเลปในลักษณะที่ช้าลง จนเกิดเป็นมวล ก่อนจะรวมกันเป็นอะตอม กระทั่งกลายเป็นดาว
… ซึ่งปรากฎการณ์ในลักษณะนี้ ได้ถูกแทนที่เชิงศาสนา อันมี “พระเจ้า” ผู้สร้างโลก และ Higgs Boson จึงถูกเรียกกันว่า อนุภาคพระเจ้า นั่นเอง !!
มุมมองทางอากาศของชายแดน สวิสฯ – ฝรั่งเศส
แสดงให้เห็นเส้นทางของ Large Hadron Collider ( LHC )
เครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่และมีพลังงานสูงที่สุดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น
ภายในของ Large Hadron Collider ( LHC ) ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินกว่า 100 เมตร
ที่มา : Gizmodo, dailymail
ขอขอบคุณ (Credit) : tech.mthai.com