9 ก.ค. 2555

[ไลท์สาระ] - ตามติดชีวิตเด็กเกาหลี (Korea Student)


ลยอยากแบ่งปันปสก เกี่ยวกับการศึกษาเกาหลีบ้าง แต่อย่าหวังว่าเราจะมาอธิบายระบบกศภาคบังคับ ไม่บังคับ นอกระบบ ไม่เอาๆๆ ไม่ใช่เลคเชอร์ เรามาเล่าเรื่องเหลือเชื่ออภินิหารของเด็กนร เกาหลีดีกว่า อ่านแล้วจะคิดว่า ทำไมมันถึกแบบนี้...


ถึก
ทำไมถึงบอกว่าถึกน่ะเหรอ อยากจับเด็กไทยที่ชอบพูดนักพูดหนาว่าเรียนที่ไทยมั้นหนักหนาแสนสาหัส แหม ถ้าจับมาเบิ่งตาที่นี่ จะขอบคุณพ่อแม่ที่ให้เกิดที่เมืองไทย เด้กเกาหลีเรียนหนักมาก มากถึงขึ้นว่าบ้า ไม่ใช่เป็นบ้่านะ แต่เรามองว่ามันเวอร์ ขอถามกันหน่อยดีกว่า ตอนคุณเรียนประถม-มัธยม คุณเริ่มเรียนกี่โมง แล้วเลิกกี่โมง ขอนึกย้อนไปสมัยเรียนที่อัสสัม ก็เริ่ม 7.50-16.30 อืม ม.ต้น ก็เลิกดึกสุดที่ 17.30 ม.ปลาย เรียนซางตาครู้ส มาเซอร์จับให้เรียนพิเศษตอนเย็น(ภาคบังคับ) จนถึง 16.50 ถ้าวันไหนมีเรียนพิเศษข้างนอก ก้ไม่เกิน 20.00 นี่ก้อึดมากแล้ว แต่ขอโทษ เด็กเกาหลีตั้งแต่ประถมจนถึงม.ปลาย เริ่มเรียน 8.00-23.00 เออ อ่านไม่ผิดหรอก ถึงห้าทุ่ม จันทร์-เสาร์ (แต่วันเสาร์ใจดีหน่อย เลิกบ่ายโมง) เอ๋อไปเลยดีกว่า อันนี้บั๊ดดี้เราบอกมาเองเลย เด้กเกาหลีน่าสงสารนะ เรียนกันจนประสาท แต่ที่ว่ามานี่แล้วแต่โรงเรียนนะถ้าอยู่ในโซล รร จะเลิกให้เวลาประมาณทุ่มนึงเพื่อให้เด้กไปเรียนพิเศษต่อ แต่ไม่ต้องดีใจว่าได้กลับบ้านเร็ว เพราะเด้กเกือบทุกคน 85-90% ต้องเรียนพิเศษ และส่วนใหญ่เลิกห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน ถ้าอยู่ตจว รร จะให้เลิกประมาณ สี่ทุ่มถึงห้าทุ่ม ชั่วโมงเรียนจริงๆน่ะ เลิกประมาณ 6 โมง เสร็จแล้วพักกินข้าว แล้วก็ต้องมานั่งอ่านหนังสือเอง จะมีอาจารย์มาเฝ้า เอ๊ย มาให้คำแนะนำ อย่าหวังว่าจะหลับแบบเด็กไทย เพราะไม่มีใครทำ ทุกคนแข่งกันเรียน ทุกคนเรียนพิเศษ เพราะอะไรน่ะเหรอ เดี๋ยวจะบอกให้หัวข้อต่อไป อ่านแล้วอึ้งไม๊ เราฟังแล้ว โคดรักประเทศไทยเลย ฮ่าๆๆๆ
อนาคตอันสดใส?
ที่นี่ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก พ่อแม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อค่าเรียนของลูก ไม่ใช่ถูกๆนะคุณ ค่าเทอมที่นี่ ฟังแล้วจะหนาววว เรียนประถม มัธยมไม่รู้ แต่ว่าถ้าเรียนมหาลัย ค่าเทอมเทอมละประมาณ 3 ล้านวอน = 120,000 บาท นี่คือ ป ตรีค่ะ แต่ถ้าคุณเข้าโซลแดได้ (เทียบเท่าจุฬา) ค่าเทอมจะถูกลงกว่าครึ่ง แต่นั่น ก็ยังหลายหมื่นบาทอยู่ดี ทำไมที่นี่เค้าเรียนกันเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น? เค้าบอกว่าเพื่ออนาคตอันสดใสของลูก ส่วนตัวลูกก็บอกว่า ถ้าไม่เรียนก้ไม่รู้จะทำไร กลับมาบ้านก้เบื่อ ไปเรียนดีกว่า โห คิดได้ไงฟะ ที่สำคัญ ไม่เรียนก้ไม่มีเพื่อน เพราะเพื่อนๆไปเรียนกันหมด ถ้าเราจะไปช๊อปปิ้ง กินข้าว ดูหนัง ก็ต้องไปคนเดียว คนอื่นเค้าต้องไปเรียน โรงเรียนสอนพิเศษที่นี่ก็ขึ้นเป็นดอกเห้ดเหมือนบ้านเรา มีทั้งภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น โอ้ๆๆ ไม่พอ พ่อแม่บอกว่า เพื่อให้ลูกพิเศษกว่าคนอื่น ต้องเรียนดนตรีและเล่นกีฬา (ก้ถ้ามันเรียนทุกคน แล้วลูกพี่จะพิเศษกว่าคนอื่นไงฟะ) อ๋อ แต่คอมเนี่ยไม่ต้องเรียน เด้กที่นี่เก่งคอมมาก โดยเฉพาะพวก photoshop (บอกให้ว่าชีวิตคนที่นี่ขาดอินเตอร์เน็ตไม่ได้ เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังลึกๆ ตอนต่อไป)
เค้าเรียนอะไรกันบ้าง?
ที่ รร เค้าก็เรียนวิชาทั่วไปเหมือนเราๆ แต่ว่าเพิ่มตัวจีน ใครไม่รู้จะบอกให้ทราบว่า ภาษาเกาหลีมีการใช้ตัวจีนด้วย (เหมือนคันจิของญี่ปุ่น) แต่ว่าคนญี่ปุ่นจะเขียนตัวคันจิผสมกับตัวฮิราคานะ คาตาคานะเลย แต่ของเกาหลี เราจะพบเห็นตัวจีนใน นสพ บทความ หรืออะไรที่เป็นภาษาทางการ ยากๆ เพราะฉะนั้น เด้กนักเรียนก็ต้องท่อง ท่อง และท่อง ตัวจีนที่เขียนก้ไม่ใช่จีนที่คนจีนใช้กันเป๊ะ แต่เป็นจีนแบบเกาหลี
ครูกับนักเรียน
ที่นี่ ทั้งพ่อแม่และนร นี่ ให้ความเคารพครูกันมาก เปรียบได้ดั่งครูเป็นพ่อแม่คนที่สอง ห้ามก้าวร้าว ห้ามเถียง ห้ามๆๆๆๆ และถ้าครูโมโห ครูไม่พอใจ ครูจะสามารถทำโทษได้ แต่ไอ้เอาไม้บรรทัดพลาสติคมาตีแปะบนมือเนี่ย ไม่ใช่แน่นอน ที่นี่ใช้สันหนังสือฟาดก็มี ตบหัวก็มี แต่เพื่อนเกาหลีบอกว่าเดี๋ยวนี้น้อยแล้ว เพราะแจ้งตำรวจได้ แต่สมัยก่อนถ้ามีเรื่องกับครูขอบอกว่านรก อ้อ แล้วโดนตีก้ไม่มีมาใช้สายตาอาฆาตนะ ต้องก้มหน้ารับผิด ถ้าพ่อแม่รู้ เผลอๆ ต้องมาขอโทษอาจารย์ที่ลูกทำให้หนักใจ เฮ้อ เอากันเข้าไป ที่เล่านี่เป็นความสัมพันธ์สมัยก่อน ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ครูกับนักเรียนเป็นแฟนกันก็มีเยอะ โดยเฉพาะกระแสตอนนี้ ครูสาวและนร หนุ่ม
เพื่อลูก
เด้กประถมเกาหลีตอนนี้ พูดภาษาอังกฤษกันเก่งมากกว่ายุคที่ผ่านๆมา เนื่องจากพ่อแม่ทุ่มทุนสร้าง ให้ลูกเรียนภาษากับเจ้าของภาษา สำหรับเด็กมหาลัยนี่ เป็นเรื่องปกติมากที่จะ drop เรียนปีนึงเพื่อไปเรียนภาษาเมืองนอก เค้าไม่รีบเร่งเรียนจบแบบบ้านเรา กว่าจะจบมหาลัย ก็ 24,25 ไปจนถึง 26 ก็มี ใครเรียนเอกจีน ก็ไปเมืองจีน ใครเรียนญี่ปุ่นก็ไปญี่ปุ่น ถ้าใครอยากฝึกอังกฤษก้ไปพวกเมกา ยุโรป เค้ารวยกันเหรอ ป่าว เค้าไม่ได้รวย แต่เค้าต้องไป เพราะคนอื่นๆก้ไป (เหมือนคนไทยไม๊) แต่เด้กที่นี่ นับถือในความตั้งใจ เค้าทำงานพิเศษกันเกือบทุกคนเพราะเอาเงินที่ได้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เอาเงินไปเรียนภาษา 3 เดือน 5 เดือน พ่อแม่เองก็สนับสนุนให้ไปเพื่ออนาคต คนที่หนักสุดก็คือพ่อแม่นั่นเอง
ชีวิตเด็กมหาลัย
คนเกาหลีทำอะไรก็ทำให้สุดๆ หลังจากเรียนกันอย่างหนักมากกกกตอน ม.ปลายเพื่อสอบเอนทรานซ์ พอเข้ามหาลัยปุ๊ป ไอ้ชีวิตเรียนเช้าถึงเที่ยงคืนก็จบลง อิสระมาก เด็กมหาลัยก็จะปลดปล่อยทุกอย่างออกมา กินเหล้า สูบบุหรี่ หลังจากเข้าปีหนึ่งมา ก็จะมีการรับน้อง ที่นี่เรียกว่า M.T (Membership Training) ก็จะไปตจว ค้างประมาณ 1-2 คืน ไปทำอะไร? แน่นอน ไม่มีการพาลงทะเล จับกรอกเหล้า เข้าฐาน ตอนเราได้ไปกับเพื่อนๆ ดูน่าสนใจ แหม พาไปโรงงานเบียร์ Cass ดูวิธีการผลิต ความเป็นมา ไอ้เราก็คิดว่า เออ แฮะ มีสาระ ที่ไหนได้ เป็นทางผ่าน พอดูเสร็จ ก็นั่งก๊งกันเลย เค้าให้กินไม่อั้น ไม่พอ ยังแบกไปอีกเป็นสิบลัง กลับถึงที่พักคืนนั้น ไม่ทำอะไรนอกจาก กินเหล้า กินเหล้า และกินเหล้า ไม่ต้องมีการกรอก เพราะทุกคนเต็มใจ ไม่ต้องมีการแกล้ง เพราะทุกคนยินดี เด้กที่กินไม่เป็น ก็จะเป็นตอนนี้แหละ อย่าคิดว่าผู้หญิงจะถูกยกเว้น ผู้หญิงเกาหลีกินเหล้าเก่งมาก ไม่นับคนที่สูบบุหรี่อีก แต่ซูฮกว่า ขนาดกินกันเมาอ้วกแบบนี้ รุ่งเช้าตื่นมาเรียนกันได้ ไม่มีโดด ไม่มีแฮงค์ เด็กที่นี่ค่อนข้างตรงเวลา เข้าเรียนไม่สาย อันนั้นถือเป็นข้อดีที่รู้จักหน้าที่ ถ้าเด็กไทยริจะเที่ยว จะกิน ก็ต้องทำให้ได้แบบเค้า ถูกไม๊?
ฟุ่มเฟือย?
เด็กมหาลัยที่นี่ ใช้เงินกันค่อนข้างฟุ่มเฟือย ถ้าดูจากเฟอร์นิเจอร์ที่มี เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แบรนด์ดังๆถามมาสิ รู้จักหมด บ้าแบรนด์กันเหลือเกิน ถ้าไม่มีเงิน ก็ยอมใช้แค่ของปลอม ทั้งที่รู้ว่าคนอื่นก็ดูออก ไม่เป็นไร ขอแค่มีของ(เหมือน) แบรนด์ใช้ก็ยังดี ส่วนพวกมือถือนั่น ก็รุ่นล่าสุด แบบฟัง mp3 ได้ที่นี่เกลื่อนแล้ว มือถือรุ่นใหม่ออกมาทุกวัน แต่พี่ท่านก็ตามซื้อตามเก็บกันทุักวันเหมือนกัน ส่วนตอนนี้ ใครที่มาเกาหลี จะสังเกตว่า คนที่ใช้เสียบหูฟังกันเยอะมาก mp3 นั่นเอง ใช้กันจนโหล มีเยอะมากๆๆๆ ยี่ห้อที่เห็นใช้เยอะๆ ก็ iriver ถ้าอยากซื้อซื้อที่เมืองไทยดีกว่า ที่นี่ต่ำๆก็ 4000 อัพ แต่ถ้าจะเทียบกันเด็กไทย เด้กเกาหลีดีอย่างคือไม่ใช้รถ มีบ้างพวกที่ขับแต่ไม่เกลื่อนเหมือนบ้านเรา ใช้ subway สะดวกกว่า อีกอย่าง ที่จอดที่นี่หายาก เอารถมาก็ลำบาก แต่ถึงจะว่าเค้าฟุ่มเฟือย เราก็มองว่าดีกว่าเด็กไทย ที่นี่ไม่ว่าจนหรือรวย ส่วนใหญ่ทำงานพิเศษ งานมีตั้งแต่เสริฟ์ร้านแมค ทำงานร้านพิซซ่า ร้านไอติม ร้านกาแฟ สอนพิเศษ ร้านหนังสือ ขับรถ ซุปเปอร์ เซเว่น เพราะงั้นเวลาเจอคนทำงานเหล่านี้ อย่าไปคิดว่าเค้าไม่มีการศึกษานะคะ ส่วนใหญ่เป็นเด็กมหาลัยมีความรู้ทั้งนั้น เอาเงินที่ได้ไปท่องเที่ยว ซื้อเสื้อผ้า ซื้อมือถือ อ้อ ให้พ่อแม่ด้วย จะซื้ออะไรก็ซื้อไป แบบนี้ ไม่มีใครเค้าว่าหรอก จริงไม๊
ปัญหา
ถึงแม้ว่าเด็กกิมจิจะเติบโตมาเหนื่อยในเรื่องการเรียน แต่การใช้ชีวิตของเค้าต้องบอกว่ามีคุณภาพกว่าของเรา เด็กเดินไป รร เอง พ่อแม่เลี้ยงแบบให้ดูแลตัวเองได้ ไม่โอ๋ เด็กไม่ต้องโตในรถ สุขภาพจิตดี ที่นี่ ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด ข่มขืน ยกพวกตีกัน มีน้อย ถึงจะเที่ยว ก้ไม่ไประรานใคร ไม่ใช้ยา ไม่หื่น ขึ้นรถไฟใต้ดิน ไม่ต้องห่วงเรื่องจะถูกใครล้วงกระเป๋า ถึงจะมีคนจนมากมาย คนไม่มีที่อยู่ แต่เค้าก็ไม่ก่ออาชญากรรม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รัฐบาลคงให้ความช่วยเหลือมากมั้ง ผู้หญิงที่นี่ ใส่กระโปรงแบบประหยัดเนื้อผ้า เดินขึ้นรถเมล์กันหน้าตาเฉย ไม่ต้องเอากระเป๋ามาบังหลัง กระมิดกระเมี้ยนแบบคนไทย เดินขึ้นบันไดก้ไม่แคร์ แต่ไม่มีใครมาใช้กล้องแอบถ่าย อาจจะมี แต่ก็ไม่มากเพราะเค้าไม่ระวังกันเลย แล้วก็แปลกที่คนขับรถเมล์ คนบนรถใต้ดินก็ไม่มองด้วยนะว่าใต้กระโปรงมีอะไร แล้วทำไมกระเป๋ารถเมล์กับคนขับบ้านเราถึงหื่นฟะ? ที่นี่ เดินตามท้องถนนตอนกลางคืนก็ปลอดภัยมาก เราเคยออกมาเดินตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง เดินกับเพื่อนอีกคน ก้เดินสบายๆ ไม่ต้องหวาดระแวง ถึงจะมีคนเมา แต่ก็แค่แซว นั่งแท๊กซี่ก็ไม่น่ากลัว ไม่มีมาเล่นว่าวจุฬาให้ดู (แต่ก็ต้องนั่งหลังไว้ก่อนนะ) อ้อ แถมนิดนึงว่าคนขับแท๊กซี่ที่นี่ไฮโซมาก ส่วนมากเป็นลุง เจอคนนึง มีรูปลูกชายติดไว้ หล่อลากดินเลยล่ะคุณขา ขอโทษ ลุงบอก ลูกผมหล่อไม๊ ตอนนี้เรียนอยู่อังกฤษ เฮือก! สงสัยเป็นอาชีพที่รายได้ดี คนขับหลายคน เคยไปเที่ยวเมืองไทย ไปเมืองจีน เฮ้อ เจอแล้วงง จะบอกว่าที่นี่น่าอยู่ไม๊ เราก็ว่าใช่ อย่างน้อยชีวิตที่นี่ก็หาความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ
อืม แต่ยังไง เราขอกลับไปอยู่แบบหวาดระแวงที่เมืองไทย ไม่มีที่ไหน อยู่แล้วสุขใจเท่าบ้านเรา ประเทศไทยจงเจริญ!



Credit http://blueseabluesky.exteen.com/20050616/entrya