จากกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของนักเรียนบนโลกออนไลน์
ว่า กรณีที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ออกประกาศเรื่องการใช้โอเน็ต
เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนที่จบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ.2551 ทั้งระดับประถมศึกษา ม.ต้นและม.ปลาย
โดยจะใช้ผลการเรียนของผู้เรียนที่ประเมินโดยสถานศึกษา และคะแนนโอเน็ต สัดส่วน 80:20
เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 เป็นต้นไป ทำให้นักเรียนชั้น ม.6
แสดงความกังวลว่าจะส่งผลให้คะแนนเฉลี่ยสะสมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือจีพีเอเอ็กซ์ต่ำลง
ซึ่งอาจมีผลต่อการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย
เพราะบางมหาวิทยาลัยกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำจีพีเอเอ็กซ์ในการสอบรับตรง
โดยโพสต์ข้อความการลองคำนวณผลการเรียนแบบใหม่ โดยสมมติคะแนนโอเน็ต 50
คะแนนทุกรายวิชา ในค่าน้ำหนัก 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่จีพีเอเอ็กซ์
เดิมได้ 3.10 ปรากฏว่าคำนวณได้เกรดเฉลี่ยใหม่ 2.98
ดังนั้นการประกาศใช้โอเน็ตกะทันหัน จะส่งผลให้นักเรียนปรับตัวไม่ทัน
และเป็นไปได้ว่าการคำนวณผลการเรียนใหม่นั้น
อาจทำให้ผลการเรียนเฉลี่ยระดับชาติน้อยลง
นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับประกาศดังกล่าวในทันที
เนื่องจากเป็นการดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยไม่สอบถามผู้มีส่วนได้ส่วน เสียเลย
โดยเฉพาะนักเรียน จึงอยากถามว่า หน่วยงานที่เป็นผู้ดำเนินการทั้ง สพฐ. และ สทศ.
ในช่วงที่มีการจัดทำ ได้สอบถามหรือทำประชาพิจารณ์หรือยัง หากทำแล้วก็อยากถามว่าทำน้อยไปหรือไม่
'ผมอยากเสนอให้ ศธ.เลื่อนการประกาศใช้ไปก่อน
แล้วไปทำประชาพิจารณ์ให้มากกว่านี้ ค่อยประกาศใช้อีกครั้ง เพื่อความรอบคอบ
ทั้งนี้การจะทำตามนโยบายโดยไม่คำนึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก
อาจทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ได้ นอกจากนี้ยังอาจเป็นการละเมิดสิทธิเด็กครั้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ได้'
นายสมพงษ์กล่าว
ด้านนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์
อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า
การบังคับใช้ผลคะแนนโอเน็ตดังกล่าวในปีการศึกษานี้ถือว่าเร็วเกินไป
ซึ่งควรประกาศล่วงหน้า 3 ปี หรือเริ่มในนักเรียนชั้น ป.3
ป.6 และ ม.3 ก่อน
เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวและวางแผนการเรียนในแต่ละช่วงชั้น
ขอขอบคุณข่าวสารดีๆจากทาง : ข่าวสด
ขอขอบคุณข่าวสารดีๆจากทาง : ข่าวสด