ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
3 นักศึกษาพยาบาล มหาวิทยาลัยคริสเตียน นครปฐม
ยื่นเรื่องร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ
ระบุโดนให้ออกจากภาควิชาที่เรียนอยู่โดยไม่เป็นธรรม
ภายหลังผลตรวจเลือดปรากฏว่ามี"เชื้อเอชไอวี" ต้นตอโรคเอดส์
ขณะที่ผู้บริหารสถาบันยืนยันการตรวจเลือดจำเป็นต้องทำ
เพราะนักศึกษาพยาบาลต้องออกไปปฏิบัติงาน "สัมผัส" กับผู้ป่วยจริงๆ
ถ้าป่วยเป็นโรคร้ายแล้วออกไปทำหน้าที่อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงตามมา ด้าน
"จอน อึ๊งภากรณ์" ในฐานะคณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ
รุดเข้าหารือกับตัวแทนม.คริสเตียนแล้ว ชี้การที่บังคับให้น.ศ.ตรวจเลือด
เป็นการไม่เคารพสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี
และก่อให้เกิดปัญหาการเลือกปฏิบัติตามมา
จากกรณีนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยคริสเตียน นครปฐม จำนวน 3 คน
เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรม
ภายหลังทางมหาวิทยาลัยมีคำสั่งให้ออกจากการศึกษาวิชาชีพพยาบาลในชั้นปีที่ 3
ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องออกไปฝึกปฏิบัติงานจริงตามสถานพยาบาลต่างๆ
เพราะตรวจพบว่าน.ศ.ทั้ง 3 รายมีเชื้อเอชไอวี ต้นเหตุโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
หรือโรคเอดส์
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ส.ค. นายอุริส แจ้งเจริญ
รักษาการรองอธิบการบดี ม.คริสเตียน ให้สัมภาษณ์ "ข่าวสด"
ว่าเรื่องนี้มีรายละเอียดที่สามารถเปิดเผยได้บางส่วน
กล่าวคือโดยระเบียบแล้วการตรวจโรคนักศึกษาถือเป็นมาตรฐานของทางมหาวิทยาลัย
ทั้งที่ม.คริสเตียนและที่อื่นๆ ตั้งแต่ชั้นปี 1
นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ม.คริสเตียน
มีประมาณ 200-300 คน ซึ่งการตรวจโรคเมื่อชั้นปี 1 ไม่พบปัญหา หลังเรียนจบปี
2 เข้าปี 3 นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จะต้องออกไปฝึกงาน
ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยจริง
ฉะนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่ต้องรีเช็ก(ตรวจสอบซ้ำ)
เรื่องสุขภาพของนักศึกษา หมายความว่านักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
ชั้นปี 3 ต้องผ่านการตรวจโรคอีกครั้งทุกคน
แต่ผลการตรวจโรคพบว่ามีนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ปี 3 จำนวน 3
รายที่พบว่าเลือดมีปัญหาเกี่ยวกับโรคบางชนิด
ทางมหาวิทยาลัยจึงเรียกนักศึกษาทั้ง 3 รายมาคุยทางลับเพื่อปกปิดตัวบุคคล
นายอุริส ระบุว่าทางมหาวิทยาลัยมีข้อเสนอแนะกับนักศึกษาทั้ง 3 ราย
โดยแนะว่าควรย้ายภาควิชาที่เรียนไปสาขาอื่น
เพราะโรคที่ตรวจพบจะเป็นปัญหากับผู้ป่วยที่นักศึกษากลุ่มนี้ต้องออกไปสัมผัส
ขณะปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากนักศึกษาไม่ต้องการเปลี่ยนสาขาเรียน
ต้องการพัก ทางมหาวิทยาลัยยินดีคืนค่าเทอมในชั้นปีที่ 3 ให้ซึ่งทั้ง 3
รายยอมรับการคืนค่าเทอมไป
กระทั่งมาทราบว่าล่าสุดนักศึกษากลุ่มนี้ไปร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ และในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการสิทธิฯ
นั้นก็ได้เข้ามาพูดคุยขอข้อเท็จจริงและหาทางแก้ปัญหาต่อไป
นายอุริส ชี้แจงยืนยันด้วยว่ามหาวิทยาลัยคริสเตียนไม่ได้ตัดสิทธิ์นักศึกษา
แต่ให้การปกป้องสิทธิ์ผู้ป่วยมากกว่า ต้องถือว่าทางมหาวิทยาลัยเป็นต้นแบบ
เพราะหากปล่อยให้นักศึกษาที่มีโรคที่คนทั่วโลกหวาดกลัวออกไปสัมผัสกับผู้
ป่วยแล้วเกิดปัญหาขึ้นภายหลังจะเสียหายอย่างไร เสียหายทั้งสถานพยาบาล
เสียหายทั้งสถาบัน เสียหายทั้งมหาวิทยาลัย
"จริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยไม่ต้องการให้เกิดข่าวดังกล่าวขึ้น
ต้องการปกป้องนักศึกษาทั้ง 3 มากกว่า ซึ่งการตรวจโรคเราก็ไม่ได้ตรวจเอง
ตรวจโดยสถานพยาบาลที่สามารถรับรองผลได้
และหากตัวของนักศึกษาเองไม่มั่นใจก็ไปตรวจยืนยันได้ด้วยตนเองยังสถานพยาบาล
ที่ออกใบรับรองการตรวจเลือดได้อีก อย่างไรก็ตาม
หากผลการสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติออกมาอย่างไร
คงต้องชี้แจงกับสื่ออีกครั้งต่อไป" รักษาการรองอธิบการบดีม.คริสเตียนกล่าว
วันเดียวกัน นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์
คณะกรรมการเอดส์แห่งชาติ
เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้บริหารระดับสูงของม.คริสเตียนกรณีบังคับนักศึกษา
สาขาวิชาพยาบาล สาขาวิชากายภาพ บำบัด และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ตรวจเลือดระหว่างปีการศึกษาเพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวี ว่า
การบังคับตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีของสถานศึกษาหรือสถานประกอบการขัดกับ
หลักการเคารพสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี และก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
เนื่องจากเมื่อตรวจพบเชื้อเอชไอวี
อาจทำให้บุคคลดังกล่าวถูกจำกัดสิทธิหรือถูกกีดกันในการเข้าเรียนหรือเข้าทำ
งานได้ ฉะนั้นการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี
เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกตรวจหรือไม่ตรวจก็ได้
หากผู้ตรวจสมัครใจตรวจด้วยตัวเองจะต้องมีความพร้อมด้านจิตใจก่อน
และผู้ให้การตรวจจะต้องมีบริการให้คำปรึกษาด้วย นอกจากนี้
ผลตรวจจะต้องรู้เฉพาะผู้ตรวจและผู้รับการตรวจเท่านั้น
ไม่ควรส่งต่อไปยังบุคคลที่ 3 หรือผู้บริหารสถานศึกษา หรือนายจ้าง
"การติดเชื้อเอชไอวีเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์
และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังมีสุขภาพแข็งแรงไปอีกหลายสิบปี
การบังคับตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีอาจส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติทั้ง
การเรียนและการทำงาน ทำให้ไม่มีทางออก
จึงต้องรณรงค์ให้ประเทศไทยลดการเลือกปฏิบัติ
เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี"นายจอน กล่าว
ประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ระบุว่า สำหรับทางม.คริสเตียน
เมื่อพูดคุยหารือกับผู้บริหารแล้วพบว่ามีท่าทีรับฟังการชี้แจงของคณะกรรมการ
เอดส์แห่งชาติ
แต่ยังต้องขอปรึกษากับอธิการบดีอีกครั้งว่าจะเปลี่ยนนโยบายตรวจเลือดเพื่อหา
เชื้อเอชไอวีหรือไม่อย่างไร
ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการจะเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้บริหารสถานศึกษา
และสถานประกอบการในเรื่องดังกล่าวต่อไป
เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิผู้ติดเชื้อเอชไอวี
โดยจะเริ่มจากกรณีที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาก่อน
(ข่าวสดรายวัน 28 สิงหาคม 2555)
28 ส.ค. 2555
[ข่าว] - นศ.พยาบาลติดเอดส์ ร้องถูกไล่ออก สถาบันแจงหวั่นคนไข้หวาดกลัว
17:59
Kapii