24 ส.ค. 2555

[ข่าว] - ห่วงแท็บเล็ตป.1 ดาบสองคมไม่บูรณาการสอนเชื่อเป็นขยะ

UploadImage



จากกรณีมีผู้นำคอมพิวเตอร์พกพาหรือ แท็บเล็ต ที่รัฐบาลแจกให้นักเรียน ป.1 ทั่วประเทศ ตามโครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาไทย (One Tablet per Child) ไปทดสอบและสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ลามกอนาจารได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการระบุว่าแท็บเล็ต ป.1 ทุกเครื่องมีการบล็อกการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมแล้ว


          ล่าสุด นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว ว่า จากการวิจัยยืนยันมาตลอดว่า เด็กจะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต แท็บเล็ต เพื่อการเรียนรู้เพียง 20% อีก 80% จะนำไปใช้ผิดประเภทเช่น เล่มเกม ดูเว็บโป๊ ขณะที่ปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่ จะอยู่กับอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยวันละ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งเสี่ยงอันตรายและปูพื้นฐานเด็กหมกมุ่นใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่เหมาะสม ดังนั้นถ้าจะให้เด็กโดยเฉพาะเด็ก ป.1 นำแท็บเล็ตกลับไปบ้านอีกจะยิ่งทำให้เด็กหมกมุ่นและใช้แท็บเล็ตผิดประเภทมาก ขึ้น แทนที่เด็กกลับบ้านจะทำกิจกรรมอื่นๆที่เกิดประโยชน์ เช่น เล่นกีฬา ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวเป็นต้นส่วนที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ระบุว่าการจะให้เด็กนำแท็บเล็ตกลับบ้านได้หรือไม่เป็นดุลยพินิจของผู้บริหาร และครูนั้นว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยให้เด็กนำแท็บเล็ตกลับบ้าน


          นายสมพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในช่วง 3 เดือนที่แจกแท็บเล็ตไปแล้วจะต้องระมัดระวังเรื่องเครื่องจะมีปัญหา เสียและต้องซ่อม เพราะคุณภาพไม่ค่อยจะดี โดยศธ.ควรที่จะหาสถาบันการศึกษาในพื้นที่อย่างวิทยาลัยอาชีวศึกษา เข้ามาคอยช่วยซ่อมเครื่องให้หากมีปัญหา และหลังจากแจกแท็บเล็ตไปแล้ว 6 เดือน สิ่งที่เป็นห่วงและกังวลมาก คือจะทิ้งห้องเรียน เพื่อไปทำผลงานที่เป็นเอกสาร และปล่อยให้เด็กอยู่กับแท็บเล็ต โดนไม่มีใครคอยชี้แนะหรือชี้นำการใช้แท็บเล็ตในการเรียนรู้ สุดท้ายแท็บเล็ตจะเข้ามาแทนบทบาทของครู

          "ถ้า ศธ.ยังไม่เตรียมตัวป้องกันเรื่องเด็กนำแท็บเล็ตไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งเรื่องสื่อลามก ดูเว็บโป๊ เล่นเกม นโยบายแจกแท็บเล็ตพังไม่เป็นท่าแน่นอน ช่วง 2-3 ปี ไม่ปฏิรูปการเรียนรู้ เอาเด็กเป็นศูนย์กลางพัฒนาครูและบูรณาการเรียนการสอนเชิงนโยบายให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงการศึกษาหรือไม่พยายามทำให้แท็บเล็ตเป็นเครื่องช่วยสอนอย่างที่ บอก 3 ปีจากนี้จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์แน่นอน" นายสมพงษ์กล่าว





ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ