8 ส.ค. 2555

[ไลค์สาระ] - Challenger Deep จุดที่ลึกที่สุดในโลก


แชลเลนเจอร์ดีป (Challenger Deep) เป็นจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรของโลกเท่าที่รู้จัก โดยมีระดับความลึก 10,911 เมตร ตั้งอยู่ทางปลายด้านใต้สุดของร่องลึกมาเรียนา ใกล้กับกลุ่มหมู่เกาะมาเรียนา
แชลเลนเจอร์ดีปมีลักษณะเป็นแอ่งขนาดเล็กที่ก้นของร่องลึกใต้มหาสมุทรรูปดวงจันทร์เสี้ยวขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งร่องเหล่านี้ก็เป็นลักษณะภูมิประเทศที่ลึกผิดปกติใต้ท้องมหาสมุทรอยู่แล้ว
แผ่นดินที่อยู่ใกล้กับแชลเลนเจอร์ดีปที่สุด คือ เกาะไฟส์ (ส่วนหนึ่งของหมู่เกาะแย็พ) ห่างออกไป 289 กิโลเมตรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และกวม ห่างออกไป 306 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แอ่งดังกล่าวได้ชื่อตามเรือสำรวจกองทัพเรืออังกฤษ เอชเอ็มเอส แชลเลนเจอร์ ซึ่งจัดการสำรวจใน ค.ศ. 1872-76 เป็นการบันทึกความลึกของมันเป็นครั้งแรก 
การทำแผนที่โซนาร์ของแชลเลนเจอร์ดีปครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2009 โดยระบบโซนาร์หลายทิศทางซิมรัด อีเอ็ม 120 สำหรับการทำแผนที่ที่ระดับความลึก 300-11,000 เมตร บนเรืออาร์วี กิโล โมอะนา ได้บ่งชี้ถึงจุดที่มีความลึก 10,971 เมตร ระบบโซนาร์ดังกล่าวใช้เฟสและแอมพลิจูดใต้การตรวจจับ โดยมีค่าความแม่นยำสูงกว่า 0.2% ของระดับความลึกของน้ำ (แสดงว่ามีข้อผิดพลาดราว 22 เมตรที่ระดับความลึกขนาดนี้)
การดำลงไปในแชลเลนเจอร์ดีปมีการจดบันทึกไว้เพียงสามครั้ง ครั้งแรกเป็นการดำโดยยานสำรวจน้ำลึกทรีเอสต์ ใน ค.ศ. 1960 ซึ่งมีมนุษย์ลงไปด้วย และครั้งต่อมา ไม่มีมนุษย์ลงไป ได้แก่ พาหนะควบคมใต้น้ำควบคุมระยะไกลไคโก ใน ค.ศ. 1995 และเนเรซัส ใน ค.ศ. 2009 การดำทั้งสามครั้งได้วัดค่าความลึกใกล้เคียงกันระหว่าง 10,902 ถึง 10,916 เมตร ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นปีครบรอบปีที่ 50 ของการดำของทรีเอสต์
ทรีเอสต์" (ในภาพ) ดำลงไปถึงจุดที่ลึกที่สุด ณ แชลเลนเจอร์ดีพ .......... 



เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับหนัง Avatar และ Titanic ขอเป็นมนุษย์คนแรกที่ใช้เรือดำน้ำลงไปใต้ทะเลในส่วนที่ลึกที่สุดของโลก
ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนาน เจ้าของหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอย่าง Avatar อย่าง เจมส์ คาเมรอน ดูเหมือนเขาจะหลงใหลท้องทะเลลึกขนานหนักมานานแล้ว เห็นได้จากงานกำกับเรื่อง The Abyss ที่ว่าด้วยเรื่องของเอลี่ยนที่ซ่อนตัวใต้มหาสมุทร และ เรื่องราวความรักบนเรือยกษ์ที่จมก้นทะเลใน Titanic ล่าสุด เขาทดลองกับตัวเองเข้าไปอยู่ในแคปซูลดำน้ำเพื่อดำดิ่งสู่ใต้โลก
จากรายงานของ NY Time เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7 มี.ค.) เจมส์ เคเมรอน ได้ทดลองใช้แคปซูลดำน้ำขนาดยาว 24 ฟุต ซึ่งเขาตั้งชื่อว่า "ดีปซี ชาลเลนเจอร์" (Deepsea Challenger) ดำลึกลงไป 5 ไมล์ใต้ทะเล ที่ร่องลึกก้นมหาสมุทรนิวบริเทน นอกชายฝั่งประเทศปาปัวนิวกินี ทำลายสถิติโลกของพาหนะดำน้ำรุ่นใหม่ที่ญี่ปุ่นที่เคยทำไว้ 4 ไมล์ และเขากำลังเตรียมตัวที่จะลงไปลึกกว่านั้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะดำลงไปใต้น้ำ 7 ไมล์ (หรือราว 11.2 กิโลเมตร) ใต้ท้องทะเลมาเรียนาอันเป็นจุดที่ลึกที่สุดของโลก หรือที่เรียกว่า "ชาลเลนเจอร์ ดีป" (Challenger Deep) เพื่อพบปะสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดใต้ทะเลลึก รวมทั้งเก็บตัวอย่างทางวิทยาศาสตร์ โดยจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นราว 6 ชั่วโมง
ชาลเลนเจอร์ ดีป เคยถูกลงไปสำรวจมาแล้วครั้งหนึ่งโดยกองทัพเรือสหรัฐ ในปี 1960 ด้วยเรือสำรวจน้ำลึกชื่อว่า "ทรีเอสต์" (Trieste) ซึ่งทหารเรือสองนายที่ลงไปอยู่ใต้นั้นได้นานแค่ 20 นาที เพราะความกดอากาศทำให้กระจกแตก และถ่ายรูปอะไรมาไม่ได้เลย ส่วนพาหนะที่คาเมรอนจะใช้ลงไปนั้นจะมีกล้องติดตั้งเต็มไปหมด และเขานิยามมันว่าเป็น "ตอร์ปิโดแนวดิ่ง" ที่สามารถขึ้นลงได้เร็ว เพื่อใช้เวลาอยู่ข้างล่างให้ได้นานที่สุด
"เราคงโง่หากไม่รู้สึกกลัว แต่ผมเชื่อใจการออกแบบ ผมจะได้ลงไปยังที่ที่ไม่อาจลืมได้ที่สุดในโลก" คาเมรอนบอกถึงอันตรายของภารกิจ เขาเพิ่งเสียทีมงานไป 2 คน จากเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเตรียมการดำลงใต้ทะเลครั้งนี้

ภารกิจครั้งนี้ของคาเมรอนเป็นการทำงานร่วมกับเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก โซไซตี ซึ่งจะรายงานความคืบหน้าให้สาธารณชนได้ทราบด้วย และยังเปิดเว็บไซต์ deepseachallenger.com ให้สามารถติดตามความลึกทุกนาที
เจมส์ คาเมรอน คลั่งไคล้การสำรวจใต้ทะเลมาตั้งแต่เด็ก หนังที่เขาสร้างก็ยังเกี่ยวข้องกับการลงไปในใต้ทะเลลึกด้วย เช่น The Abyss (1989), Titanic (1997) และยังรวมถึงหนังสารคดีใต้ทะเลมากมาย อย่าง Bismarck (2002), Ghosts of the Abyss (2003) และ Aliens of the Deep (2005) เขาเคยดำลงไปสำรวจใต้น้ำด้วยพาหนะมาแล้ว 76 ครั้ง โดย 33 ครั้งเป็นการดำสำรวจซากเรือไททานิค และภาคต่อ Avatar ที่คาเมรอนเตรียมงานสร้างอยู่นั้น ก็มีแผนจะพาผู้ชมไปยังโลกใต้ทะเลของดาวแพนดอร่าด้วย เชื่อว่าเขาคงเอาประสบการณ์จากภารกิจครั้งนี้ไปใช้ในการออกแบบงานสร้างที่จะพาเราลงสู่ใต้ทะเลด้วยเทคนิค 3D ในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
ผู้กำกับดังยังกล่าวถึงภารกิจครั้งนี้อีกว่า "ใต้มหาสมุทรลึกเป็นพรมแดนแห่งสุดท้ายที่ยังไม่ได้รับการสำรวจบนโลกของเรา มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากมายเต็มไปหมด มากเท่ากับการสำรวจร่วมร้อยปีเลย เราต้องลงไป เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรอยู่ที่นั่น"

Credit   pantip.com  sanook.com  manager.co.th