ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) กล่าว ถึงมติที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ปรับการเปิดภาคเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ว่า ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนการเปิดภาคเรียนหรือไม่ ก็จะไม่กระทบต่อระบบการประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. เพราะ สมศ.ยึดการทำงานตามกรอบเวลาของปีงบประมาณเป็นหลัก ดังนั้นสถานศึกษาทุกแห่งที่กำหนดรับการประเมินในปีดังกล่าวยังคงต้องรับการ ประเมินตามปกติ รวมถึงสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอาชีวศึกษาด้วย
ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวต่อไปว่า การปรับการเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2557 ซึ่งเป็นปีแรกนั้น อาจกระทบต่อการทำงานของ สมศ.บ้าง แต่ถ้าได้เตรียมการล่วงหน้าเชื่อว่า สมศ.จะสามารถยืดหยุ่นเพื่อให้การประเมินแล้วเสร็จตามกำหนดได้ ทั้งนี้หากสถานศึกษาต่าง ๆ โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษามีการปรับการเปิดภาคเรียนไม่ตรงกัน ก็ถือเป็นโอกาสดีของ สมศ. ที่จะได้มีการพัฒนาผู้ประเมินให้เป็นมืออาชีพ และสมศ.มีเวลาในการจัดสรรให้ผู้ประเมินเข้าทำหน้าที่ได้ตลอดทั้งปี จากที่ปัจจุบันที่การเปิด-ปิดภาคเรียนของสถานศึกษาสอดคล้องกัน ทำให้ระยะเวลาการเข้าไปประเมินสามารถทำได้ปีละ 6 เดือนเท่านั้น
"ช่วงเวลาการออกประเมินของ สมศ.จะประเมิน 3 เดือน ต่อ 1 ภาคการศึกษา ดังนั้นใน 1 ปีการศึกษา สมศ.จะส่งผู้ประเมินไปทำการประเมินได้เพียง 6 เดือน ซึ่งส่งผลให้งานด้านนี้ยังขาดความเป็นมืออาชีพ เพราะผู้ประเมินแต่ละคนจะทำงานไม่เต็มเวลา และมีงานอื่นเสริม นอกจากนี้เรายังต้องใช้ผู้ประเมินจำนวนมาก เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา แต่ถ้าหากเราสามารถให้ผู้ประเมินออกประเมินได้ทั้งปี สมศ.จะสะดวกเรื่องจำนวนผู้ประเมินและพัฒนาผู้ประเมินให้เป็นผู้ประเมินมือ อาชีพได้" ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าว.
ขอขอบคุณข่าวสารดีๆจากทาง : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
