28 ส.ค. 2555

[รับตรง] - แพทยศาสตรบัณฑิต ม.มหาสารคาม 2556

alt

ด้วยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีความประสงค์จะรับบุคคลเพื่อเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 8 จึงประกาศกำหนดการเปิดรับสมัครบุคคล เพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรดังกล่าว
ประจำปีการศึกษา 2556
ในวันที่ 18 กันยายน 2555 - 13 มกราคม 2556 โดยมีรายละเอียดดังเอกสารแนบ

[ข่าว] - 10 ปี คณะไอซีที ศิลปากร ทรรศวรรษแห่งการก้าวกระโดด

 
10 ปี แรกของเด็กเปรียบเสมือนช่วงเวลาของการประคบประหงมเลี้ยงดูให้มีชีวิตรอด

10 ปี แรกของการทำงานถือเป็นเวลาแห่งการเรียนรู้โลกกว้างนอกห้องเรียน

ส่วน 10 ปี ของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) มหาวิทยาลัยศิลปากร ถือเป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

“ผลิตบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการและคุณธรรม” เป็นปรัชญาที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร มุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตสู่สังคม
 
นับตั้งแต่การก่อตั้งคณะฯที่วิทยาเขตเพชรบุรี เมื่อปี 2546 ซึ่งเป็นคณะอันดับที่ 13 ใน “มหาวิทยาลัยแห่งศิลปะ” ในช่วงที่ประเทศไทยเห็นความสำคัญเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารซึ่งจะเป็น แกนหลักของสังคมในอนาคต ทางคณะฯจึงได้ออกแบบหลักสูตรที่บูรณาการศาสตร์ทางด้านโปรแกรมมิ่ง เรื่องคอมพิวเตอร์ รวมกับศิลปะการออกแบบเกิดเป็นสาขาวิชาเทคโนโลยีเพื่อการออกแบบ แบ่งวิชาเอกออกเป็น ออกแบบแอนิเมชั่น ออกแบบเว็บและสื่อโต้ตอบ และออกแบบเกมส์

นอกจากนี้ ยังหลอมรวมศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ กับการวางแผนการตลาดทางธุรกิจ เกิดเป็นสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจ ผลิตบัณทิตรุ่นแรกออกมาเมื่อปี 2549 ได้รับผลตอบรับในทางที่ดีจากผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการออกแบบ ที่เน้นเรื่องความสวยงามและการใช้งานได้จริง กับทางด้านธุรกิจ ที่ไม่ใช่แค่การขายของเป็น แต่เข้าใจทุกกระบวนการ ตั้งแต่ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรธุรกิจ ไปจนถึงการติดต่องานกับลูกค้า
 
แม้คณะจะเพิ่งเปิดได้เพียง 4 ปี แต่นักศึกษาก็คว้ารางวัลสุดยอดวิทยานิพนธ์ดีเด่นแห่งปี 2553 ในเทศกาลออกแบบบางกอก 2553 (Bangkok International Design Festival 2010) มาครอง ด้วยผลงานแอนิเมชั่นเรื่อง “เส้นใยที่ถูกลืม” ของนายสิบปนนท์ รอดคำทุย นักศึกษาวิชาเอกแอนิเมชั่นกับความพยายามนำเสนอเรื่องใกล้ตัว ให้สะท้อนมุมมองที่แปลกใหม่
 
คนในวงการคาดการณ์กันว่า อีกไม่ศิษย์เก่าจากไอซีทีคนนี้จะต้องมีชื่อติดอยู่ในทำเนียบสุดยอดแอนิเมชั่นของเอเชีย
 
ปีถัดมา นักศึกษาสาขาวิชาเอกออกแบบเว็บและสื่อโต้ตอบ คือ นายพิสิฐพงษ์ สืบพิลา ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวดเว็บไซต์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ ในหัวข้อ “ล้นเกล้าฯแผ่นดินไทย” คว้าถ้วยเกียรติยศนายกรัฐมนตรีและเงินรางวัล 100,000 บาท มาครอง
 
นับเป็นก้าวอันแข็งแรงที่แสดงให้เห็นว่าในด้านเทคโนโลยี นักศึกษาไอซีที ไม่เป็นรองใคร
 
ผศ.ชัยชาญ ถาวรเวช คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า ความตั้งใจของคณะคือการทำให้นักศึกษาได้รับประโยชน์สูงสุด จึงทุ่มเทให้กับการพัฒนาเทคโนโลยี เลือกซื้อเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ และสอนนักศึกษาตามที่ตลาดแรงงานต้องการ ด้วยการนำมืออาชีพเข้ามาสอน เพราะเขาสามารถรู้ว่าตลาดต้องการอะไร รวมถึงการที่นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ต้องทำจุลนิพนธ์เป็นผลงานชิ้นใหญ่สำหรับจบการศึกษา ซึ่งได้แนวทางมาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่แตกต่างตรงที่ คณะนำมืออาชีพมาร่วมตรวจจุลนิพนธ์ เพื่อขัดเกลานักศึกษาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกสู่ตลาดแรงงาน แนวทางนี้ จึงทำให้ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ และมีเปอร์เซ็นต์การได้งานมากกว่า 90 %
 
“การสอนของคณะไอซีทีจะเน้นด้านปฏิบัติมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่น เพราะเราเชื่อมั่นตามคำสอนของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่เน้นให้ทำงาน นายจ้างจะชอบเด็กไอซีทีมาก เพราะเรามักจะอึด อดทน ไม่น่าเชื่อว่าคณะเราจะพัฒนาแบบก้าวกระโดด ภายในช่วงเวลาแค่ 10 ปี เราขึ้นเป็นอันดับ 1 ในเรื่องแอนิเมชั่น และการออกแบบเว็บและสื่อโต้ตอบ เมื่อปีการศึกษา 2544 คณะไอซีทีก็คว้ารางวัลชนะเลิศในด้าน แอนิเมชั่น ออกแบบเว็บและสื่อโต้ตอบ และนิเทศศาสตร์ กว่า 20 รางวัล ทุกวันนี้คณะเราเป็นที่จับตามองของมหาวิทยาลัยเองและมหาวิทยาลัยอื่นๆด้วย” คณบดีคณะไอซีที ระบุ  
 
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ปี 2550 ทางคณะฯก็ได้เปิดสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ที่ศูนย์ประสานงานบางรัก เพื่อผลิตบัณฑิตเข้าสู่วงการสื่อมวลชน 5 สายวิชาได้แก่ การโฆษณา การลูกค้าสัมพันธ์ วารสารและหนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ และวิทยุและโทรทัศน์ โดยวิชาเอกลูกค้าสัมพันธ์นั้นถือว่าคณะไอซีที เป็นคณะแรกที่เปิดสายวิชานี้ ซึ่งเป็นการหลอมหลวมการสื่อสารการตลาด เข้ากับประชาสัมพันธ์
 
จุดเด่นของหลักสูตรนิเทศศาสตร์ของที่นี่ เป็นการผสาน 3 ขา ระหว่าง องค์ความรู้ทางวิชานิเทศศาสตร์ การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และศิลปะการออกแบบ ซึ่งทุกวันนี้ผลิตบัณฑิตออกมาแล้ว 2 รุ่น
 
แม้จะเป็นน้องใหม่ในการผลิตบัณฑิตด้านสื่อสารมวลชน แต่ก็เป็นคณะวิชาที่สร้างความเชื่อมั่น จนกลายเป็นคณะที่มีอันดับการเลือกแอดมิชชั่นเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ (สาขานิเทศศาสตร์ ปี 2555 ) ก้าวขึ้นจากอันดับ 7 ของประเทศ ที่ครองมา 2 ปีซ้อน (สาขานิเทศศาสตร์ปี 2553-2554)
 
ผลงานการบูรณาการงานทางนิเทศศาสตร์ที่เห็นเด่นชัด นั่นคือ ละครเวที 2 เรื่อง 2 รส  “ล่า ท้า ฝัน” ปี 2009 และ “วิไลเลือกคู่” ปี 2010 ที่ต้องเพิ่มรอบการแสดงเพื่อให้พอกับความต้องการของผู้ชม จนมาถึงเรื่องล่าสุด “A Midsummer Night’s Dream” ฝัน...กลางคืนฤดูร้อน บทประพันธ์คลาสสิคของวิลเลี่ยม เชคสเปียร์ (William Shakespear) ซึ่งฉลองวาระพิเศษ 10 ปีคณะ ที่เพิ่งปิดม่านการแสดงไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางภาพ  แสง สี เสียง อลังการ ที่ใช้มัลติมีเดียมาช่วยสร้างฉากให้อลังการ ขึ้น เพิ่มเติมจากการใช้ฉากเป็นป้ายแบบเดิม ทำให้ดูมีมิติ เหมือนหลุดออกมาจากโลกจินตนาการ และได้คณะเพื่อนบ้านอย่าง         ดุริยางคศาสตร์ มาทำเพลงประกอบให้
 
เสียงจากคนในวงการสื่อสารมวลชนที่น่าสนใจ อาทิ นายนิธิพัฒน์ สมสมาน กับ นายสุภณวิชญ์ สมสมาน กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง The Monk Studio บอกว่า ที่บริษัทไว้วางใจศิษย์จากรั้วไอซีที ศิลปากร เพราะผลงานดี ยิ่งเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆแล้ว ไอซีทีถือเป็นแนวหน้า นำหน้ามหาวิทยาลัยอื่นๆอยู่ก้าวหนึ่ง ยิ่งเมื่อบวกกับความขยัน ความอดทน และเห็นงานมาก่อนอันดับแรก ยิ่งทำให้เด็กไอซีทีมีคุณภาพมากขึ้น

ส่วนนายวิชชพัชร์ โกจิ๋ว  ผู้กำกับมือทองจากภาพยนตร์เรื่องดัง ‘แฟนฉัน’ แห่งค่ายหนังยักษ์ใหญ่ จีทีเอช (GTH) ก็กล่าวว่า ในอนาคตคณะไอซีที จะเป็นคณะในฝันของเด็กนิเทศศาสตร์ เพราะทุกวันนี้ คณะเดินมาถูกทางแล้ว ด้วยหลักสูตรภาพยนตร์ที่ค่อนข้างแข็งแรง และนักศึกษาก็มีศักยภาพ

คณะไอซีที ศิลปากร เชื่อมั่นว่า การที่คณะสอนให้นักศึกษาปฏิบัติงานจริงจากคำแนะนำของบุคลากรมืออาชีพ จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้นักศึกษามากขึ้น ซึ่งเราพร้อมที่จะบ่มเพราะเด็กไทย ให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อผลิตบัณฑิตออกสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ และร่วมพัฒนาประเทศชาติต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 
เชิญชมนิทรรศการ 10 ปี คณะไอซีที ศิลปากร ฉลองยิ่งใหญ่ 6-9 กันยายน
 
 
 
พบกับงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ วาระพิเศษ 10 ปี คณะไอซีที ศิลปากร ณ หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพฯ (ตรงข้าม มาบุญครองเซนเตอร์) ระหว่างวันที่ 6- 9 กันยายน ตั้งแต่ 10.00 – 18.00 น. โดย วันที่ 6 กันยายน เวลา 10.00 น. จะเริ่มด้วยการฉายภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลของนักศึกษาสาขาภาพยนตร์
 
บ่ายวันเดียวกัน เสวนา หัวข้อ “Media Transformation การเปลี่ยนโฉมของสื่อ” ได้แก่ คุณนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง36 คุณสันติ ทับทิมทอง Creative Group Head, The Leo Burnett Group และคุณนิติ ชัยชิตาทร โปรดิวเซอร์รายการเทยเที่ยวไทย (Play Channel) จากนั้นเป็นพิธีเปิดงานเวลา 16.00 น.
 
วันที่ 7 กันยายน ช่วงบ่าย เสวนาหัวข้อ “Smarter Analytics for Smarter Outcomes” โดยคุณสนธยา สธัมมสภา Technology Architect, IBM Thailand Co.,Ltd. ส่วนวันที่ 8 กันยายน ช่วงเช้า ร่วมพุดคุยกันในหัวข้อ “Mobile Internet Segmentation Trend & Technology” โดยคุณศรัญ หวังธรรมมิ่ง, Senior Manager Channel Development and Management Department จากดีแทค และช่วงบ่ายพบวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านแอนิเมชั่น จาก Yggdrazil Group Co.,Ltd จากผลงานโฆษณา CP OMEGA PLUS
 
ภายในงานยังมีกิจกรรมเวิร์คช้อปของแต่ละสาขา สำหรับผู้ที่มาร่วมงาน 30-45 นาทีต่อรอบ นิทรรศการผลงานนักศึกษาจำนวน 2,000 ชุด และที่พลาดไม่ได้คือ การประกวดคอสเพลย์ช่วงบ่ายวันที่ 9 กันยายน และกิจกรรมแฟนพันธ์แท้ไอซีที ชิง iPad
 
ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.ict.su.ac.th/facebook : ictsilpakorn และสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2233-4995 ในวันและเวลาราชการ

[กิจกรรม] - ค่ายเจาะจิต 9 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย!!!



     ค่ายเจาะจิต ครั้งที่ 9 คณะจิตวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดรับสมัครแล้วจ้า!!

สำหรับน้องๆ ม.ปลาย ทั่วประเทศไทย ที่สนใจศาสตร์แห่งจิตวิทยา

และอยากรู้ว่า "จิตวิทยา" ที่แท้นั้นเป็นยังไงกันแน่ ??

ในค่ายนี้น้องๆ จะได้พบคำตอบ จากพี่ๆ น่ารักๆ อบอุ่น เป็นกันเอง จากคณะจิตวิทยา จุฬาฯ

มาร่วมให้ความรู้ และกิจกรรมสนุกๆ ที่เตรียมไว้ให้น้องอย่าล้มหลาม !!


แล้วพบกันใน "ค่ายเจาะจิต 9" นะค้าบบ!! 
-----------------------------------------------
โดยค่ายจะมีวันที่  10-12 ตุลาคม 2555 

หมดเขตส่งใบสมัคร 8 กันยายนนี้ 

ประกาศรายชื่อวันที่ 1 ตุลาคม นะจ๊ะ :)
-----------------------------------------------
*รายละเอียดต่างๆ น้องๆสามารถกดเข้าไปดูได้ใน >>   
*ดาวน์โหลดใบสมัครค่ายเจาะจิต 9 >>  
*รายละเอียดการส่ง เอกสารประกอบ >> 

[กิจกรรม] - K'GE CAMP ครั้งที่ 3


UploadImage


ค่าย K'ge ครั้งที่ 3 จัดขึ้นสำหรับน้องๆม.ปลาย สายวิทย์ ที่มีความสน หรือกำลังค้นหาตัวเอง
ตลอดระยะเวลากิจกรรม สอดแทรกไปด้วยความรู้และความสนุกสนาน


รับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึง 16 กันยายน 2555

ดาวน์ใบสมัครและรายละเอียดได้ที่
http://www.mediafire.com/?ad4lp1asdm4hz4g


ติดตามข่าวสารได้ทาง 
http://www.facebook.com/KgeCamp3

[กิจกรรม] - ม.หอการค้าไทยเปิดบ้านโชว์สุดยอดระบบการเรียน พบดาราเพียบ


UploadImage

ม.หอ การค้าไทย เปิดบ้านต้อนรับน้องๆ ม.6 สัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้จริง ระบบ Hybrid Learning System พบกับรุ่นพี่ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ศิลปิน ดารา ดาว-เดือน    ผู้มีชื่อเสียงมากมาย

ฝ่ายสื่อสารองค์กร  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะจัดงาน UTCC Open House 2012 ระหว่างวันที่ 29-30 สิงหาคมนี้ เพื่อเป็นการเปิดต้อนรับน้องๆ นักเรียนชั้น ม.6 ให้ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศการเรียนการสอนด้วยระบบ Hybrid Learning System และทำความรู้จักมหาวิทยาลัยในแง่มุมต่างๆให้มากขึ้น  ภายใต้แนวคิด UTCC Street Show 2012 พบกับบูธนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ได้แก่

- ก้าวย่างสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านธุรกิจ

- มหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวของโลกที่มีหอการค้าไทยเป็นเจ้าของ

 - ล้ำสมัยด้วยการเรียนการสอนแบบ  Hybrid Learning System

- โครงการ Egg Project: โครงการตั้งไข่ธุรกิจ ผลิตเถ้าแก่น้อย

- Hall of Fame: ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ และสร้างชื่อเสียง

- Find Your Future: ค้นหาอนาคตของคุณ

นอกจากนี้ จะมีการซุ้มแนะนำหลักสูตรการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีจากคณะวิชาต่าง ๆ ได้แก่ คณะบริหารธุรกิจ คณะบัญชี คณะมนุษยศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์  คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และ International College พร้อมกิจกรรมตอบคำถามร่วมสนุกเพื่อชิงของรางวัลมากมาย  

นอกจากนี้ ภายในงานจะมีกิจกรรม Street Show ซึ่งเป็นการแสดงจากนักศึกษาที่มีความสามารถพิเศษประเภทต่าง ๆ อาทิ การเล่นดนตรี การแสดง Stunt Show โดยเชน ลังกาหลัง Thailand’s got Talent  จ๋า Thailand’s got talent โอปอล์ AF9 ซุ้มดารา (พบกับพี่นุ้ย พี่บุ๊คโกะจาก EFM และพี่ ๆ ดาราอีกมากมาย) ซุ้มดาว-เดือนแต่ง Cosplay ฯลฯ

และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558  ทางมหาวิทยาลัยจัดการบรรยายในหัวข้อ “Get Ready for AEC : โอกาสและทางรอดของการศึกษาไทย ”  ให้กับคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับสถาบันการศึกษาของไทยในอีก 2 ปีข้างหน้า



Credit : ENN

27 ส.ค. 2555

[ไลค์สาระ] - 7 เคล็ดลับ เปลี่ยนการทำงานให้เป็นเรื่องสนุกในทุก ๆ วัน


7 เคล็ดลับ เปลี่ยนการทำงานให้เป็นเรื่องสนุกในทุก ๆ วัน



          หากคุณเป็นอีกคนที่เบื่อกับชีวิตการทำงานที่น่าเบื่อหน่ายเพราะความซ้ำซากจำเจล่ะก็ วันนี้ กระปุกดอทคอมได้รวบรวมเคล็ดลับที่ช่วยให้การทำงานของคุณมีความสุขมากขึ้นอย่างง่าย ๆ มาไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่รู้สึกเบื่อจนแทบจะเขวี้ยงนาฬิกาปลุกตัวดีที่เรียกให้คุณต้องตื่นเช้าขึ้นมาทำงานในทุก ๆ เช้า ลองมาอ่านเทคนิคแก้เซ็งที่เรานำมาฝากกันดูเลยดีกว่าจ้า

1. มองโลกในแง่ดีเข้าไว้

          แม้จะเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น เวลาที่เรามองโลกในแง่บวกก็จะช่วยให้ปัญหาใหญ่ ๆ กลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ ไปได้ง่าย ๆ จากการที่เราไม่คิดจะเครียดและหมกมุ่นอยู่กับมันจนทำให้ปัญหาที่เกิดดูยิ่งใหญ่เกินจริง จึงมีสติในการคิดแก้ปัญหามากขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ควรมองโลกในแง่ดีเข้าไว้จะดีกว่า เพราะทุกปัญหามีทางแก้ทั้งนั้นแหละ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ตัวเองมีแรงบันดาลใจในการมองโลกให้สดใสมากขึ้น อาจลองหาคำคมดี ๆ มาติดข้างเตียง หรือโต๊ะทำงาน เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองดูก็ได้นะ

2. ทำงานอย่างมีจุดหมาย

          เวลาที่เราได้รู้ว่าความพยายามของเราไม่สูญเปล่าและรู้ว่ามันทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายที่ตัวเองหวังไว้ขึ้นมาอีกนิด จะช่วยให้เรามีกำลังใจมากขึ้นอีกเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาที่เบื่อหรือเครียดจนทนไม่ไหวก็เตือนตัวเองเอาไว้ว่าคุณกำลังทำเพื่อครอบครัวหรือเพื่อความก้าวหน้าที่ตัวเองต้องการอยู่ เพียงแค่นี้ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ

3. ฟังเพลงเพราะ ๆ ระหว่างเดินทาง

          รู้ ๆ กันอยู่ว่าช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้านั้นรถติดแค่ไหน และเพราะแบบนั้นเองเวลาที่ต้องติดแหง็กอยู่กลางถนนนาน ๆ จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนหงุดหงิดอารมณ์เสียจนยิ้มไม่ออกกันก่อนจะถึงที่ทำงานเสียอีก ซึ่งในเวลาแบบนี้แทนที่จะโทรไปบ่นกับเพื่อนหรือหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่คนเดียวก็สู้หาเพลงเพราะ ๆ มาฟังดูดีกว่า จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอีกเยอะจนแทบจะลืมความหงุดหงิดไปเลยด้วยซ้ำ

4. ยิ้มเข้าไว้

          แม้คุณจะอยู่ในภาวะซึมเศร้าแค่ไหนก็ต้องเตือนตัวเองให้ยิ้มเข้าไว้ เพราะรอยยิ้มจะช่วยให้คุณดูเป็นมิตรน่าเข้าหามากขึ้นอีกเยอะ คนอื่นจะได้กล้าเข้ามาพูดคุยปลอบใจให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ ทั้งนี้ รอยยิ้มของคุณอาจฝืนอยู่บ้างในช่วงแรก แต่ถ้ายิ้มให้ติดเป็นนิสัยไปเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยประจำตัวที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติได้ 

5. เลิกบ่นได้แล้ว

          จำไว้ว่าเวลาที่มีใครมาถามคำถามธรรมดา ๆ อย่างเช่น "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง" หรือ "งานเยอะไหม" ก็อย่าตอบด้วยคำตอบในแง่ลบ เช่นการบ่นเรื่องการทำงานที่น่าเบื่อเสียยืดยาวเด็ดขาด แต่ควรตอบด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจตัวเองแทนจะดีกว่า เพราะยิ่งพูดหรือมองอะไรในแง่ร้ายเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ดูแย่ลงมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงบอกตัวและคนรอบข้างว่าทุกอย่างไปได้ดีเข้าไว้ และสุดท้ายคุณก็จะรู้สึกดีขึ้นมาเองนั่นแหละ

6. รู้จักลำดับความสำคัญ

          ถ้าคุณเอาแต่บ่นว่างานเยอะอย่างโน้นอย่างนี้แต่ไม่รู้จักแยกประเภทงานให้เรียบร้อยว่าอันไหนควรทำก่อนทำหลัง แบบนี้แล้วเมื่อไหร่งานของคุณจะเสร็จกันล่ะ ดังนั้นควรจัดเรียงความสำคัญก่อนว่างานไหนสำคัญที่สุดและควรทำงานชิ้นนั้นให้เสร็จเป็นอันดับแรก ๆ ก่อนดู รับรองเลยว่าเมื่อเคลียร์งานชิ้นใหญ่ ๆ พวกนี้เสร็จเมื่อไหร่ คุณจะรู้สึกว่างานลดลงเป็นเท่าตัวเลยล่ะ

7. เลี่ยงพวกมองโลกในแง่ร้ายเอาไว้

          คนที่แบกความเครียดเอาไว้และมองโลกในแง่ลบตลอดเวลาจะคอยกดดันตัวเองรวมถึงตัวคุณ จนทำให้คุณหมดความมั่นใจและเชื่อว่าตัวเองทำอะไรก็คงไม่สำเร็จตามเขาไปด้วย ซึ่งความคิดแบบนี้จะทำให้คุณหมดไฟในการทำงานไปได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจงมั่นใจในตัวเองเข้าไว้และอย่าปล่อยให้ความคิดแบบนี้มาทำให้คุณไขว้เขวเด็ดขาด เพราะคุณไม่ควรดูถกตัวเองเด็ดขาด เชื่อเถอะว่าคนเราถ้าลองมุ่งมั่นตั้งใจจริงแล้ว ไม่ว่าใครก็ประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น

          วันพรุ่งนี้ระหว่างทำงานก็อย่าลืมเอาเคล็ดลับดี ๆ นี้ไปใช้กันดูนะคะ ไม่แน่นะ..อาจทำให้การทำงานที่เคยน่าเบื่อของคุณกลับมาเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ ;)


ขอขอบคุณสาระดีๆจากทางกระปุกดอทคอม

[ไลค์สาระ] - ตลาดร่มหุบ เสน่ห์ของเมืองแม่กลอง


ตลาดร่มหุบ

ตลาดร่มหุบ



          ทันทีที่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ ความโกลาหลของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่ต่างพร้อมใจกันหุบร่ม และรีบเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะอยู่ริมทางรถไฟให้เรียบร้อยในพริบตา เพื่อที่จะเปิดทางให้รถไฟสายแม่กลอง-บ้านแหลม วิ่งผ่านไปได้อย่างสะดวก คงเป็นภาพที่ชินตาเมื่อคุณได้มาเที่ยวชม "ตลาดร่มหุบ" หนึ่งใน Amazing Thailand 

          อาจเพราะความรู้สึกหวาดเสียวในขณะที่รถไฟวิ่งผ่านแผงขายของ ที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝากฝั่งทางรถไฟ นับว่าเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง พร้อม ๆ กับอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศอันแสนจะโกลาหลของพ่อค้าแม่ขาย ในช่วงเวลาที่ได้ยินเสียงหวูดรถไฟส่งสัญญาณบอกว่า...เตรียมตัวให้พร้อมรถไฟกำลังจะมาแล้ว!

          สำหรับ ตลาดร่มหุบ (Market on the Railway Track) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ตลาดแม่กลอง แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า ตลาดเสี่ยงตาย ตั้งติดอยู่กับ สถานีรถไฟแม่กลอง ซึ่งเป็นตลาดที่อยู่บนทางรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงขายสินค้าตลอดสองข้างทางรถไฟระยะทางกว่า 100 เมตร ส่วนลูกค้าก็อาศัยทางรถไฟเป็นถนนสำหรับจับจ่ายซื้อสินค้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะหุบร่มที่กางและเก็บสินค้าจากบริเวณทางรถไฟในเวลาไม่นาน ด้วยรถไฟขบวนนี้เป็นสายสั้น ๆ ทำให้ต้องพร้อมจัดเก็บและจัดวางสินค้าอย่างฉับไวเสมอ หรือสิ่งของบางอย่างก็วางมันไว้บนรางให้รถไฟวิ่งคล่อมไปเลยก็มี  

          โดยเมื่อรถไฟมาถึงบริเวณโค้งก่อนเข้าตลาด พนักงานขับรถไฟจะส่งเสียงหวูดดังสนั่น เพื่อเป็นสัญญาณให้พ่อค้าแม่ค้ารู้ตัวว่าต้องหุบร่มและเก็บข้าวของที่วางกีดขวางทางรถไฟได้แล้ว และทันทีที่รถไฟวิ่งผ่านร่มและสินค้าจะถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ของความสนุกสนานอีกรูปแบบหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส และยามสงบเมื่อไม่มีขบวนรถไฟการค้าขายก็ดำเนินไปตามปกติ 

สถานีแม่กลอง

          สถานีรถไฟแม่กลอง เป็นสถานีปลายทางของเส้นทางช่วงบ้านแหลม-แม่กลอง ระยะทาง 33 กิโลเมตร ผู้โดยสารที่เดินทางไปกรุงเทพฯ จะต้องลงจากขบวนรถที่สถานีรถไฟบ้านแหลม และต่อเรือข้ามฟากที่ท่าฉลอม ไปขึ้นรถไฟช่วงต่อที่สถานีรถไฟมหาชัย มีปลายทางที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ระยะทาง 31 กิโลเมตร 

          ทั้งนี้ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้กำหนดเส้นทางวงเวียนใหญ่-มหาชัย-บ้านแหลม-แม่กลอง เป็นเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟ แต่ถ้าใครอยากมาสัมผัสกับ ตลาดร่มหุบ ต้องมากันให้ถูกเวลานะจ๊ะ เพราะรถไฟวิ่งผ่าน ตลาดร่มหุบ วันละ 8 รอบ (โดยประมาณ) ดังนี้ 06.20 น., 08.30 น., 09.00 น., 11.10 น., 11.30 น., 14.30 น., 15.30 น. และ 17.40 น.

          อย่างไรก็ตาม นอกจากความตื่นเต้นหวาดเสียวแล้ว ตลาดร่มหุบ ยังมีสินค้ามากมายหลากหลายชนิดให้ได้เลือกซื้อกัน ทั้งอาหารทะเลสด ๆ ปลาทูแม่กลองแสนอร่อย ขนมไทย ๆ ผลไม้ตามฤดูกาล หรือจำพวกอาหารตากแห้งก็มีมากมาย 

ตลาดร่มหุบ

การเดินทาง
          
          รถไฟ : เริ่มจากสถานีวงเวียนใหญ่ โดยไปลงที่มหาชัย และจากมหาชัยก็นั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอม เพื่อขึ้นรถไฟต่อจากสถานีบ้านแหลมไปยังสถานีแม่กลอง (ปลายทาง) ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้มีรถไฟฟรีบริการอยู่ และหากคุณอยู่ที่โบกี้สุดท้าย แล้วมองผ่านกระจกหลังรถออกไป เวลาผ่านตลาดพอรถไฟผ่านไป พ่อค้าแม่ค้าก็จะกลับมาตั้งร้านเหมือนเดิมชนิดไล่หลังรถไฟกันเลยทีเดียว

          รถประจำทาง : บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดบริการเดิน รถกรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม ลงที่ตลาดแม่กลองได้เลย โดยมีรถจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.50 - 21.00 น. โทรศัพท์ 0 2435 1199, 0 2435 5605 และรถปรับอากาศ (ดำเนินทัวร์) โทรศัพท์ 0 2435 5031


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 ,   และ railway-trip.com  
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท.