8 ต.ค. 2555

[ข่าว] - สอศ.เล็งเชือด 3 ศูนย์นอกที่ตั้ง



UploadImage


          ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิด เผยว่า จากการที่สำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ตรวจติดตามการจัดการอาชีวศึกษาด้วยวิธีเทียบโอนความรู้และประสบการณ์งาน อาชีพและการจัดการอาชีวศึกษานอกสถานศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด สอศ. ที่มีทั้งหมด 148 แห่งทั่วประเทศ นั้น ขณะนี้คณะกรรมการตรวจประเมินฯ ได้ตรวจประเมินแล้วเสร็จ 45 แห่ง กำลังอยู่ระหว่างการตรวจประเมิน 103 แห่ง ซึ่งผลการตรวจประเมินเบื้องต้นพบว่า มีจำนวน3 แห่ง ที่เปิดผิดหลักเกณฑ์การขออนุญาตจัดตั้ง เพราะการเปิดสอนนอกสถานศึกษา สถานที่ที่เปิดสอนต้องตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น หรือจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่มีสถานศึกษาอื่นที่เปิดสอนสาขาวิชาหรือสาขางาน นั้น แต่ทั้ง 3 แห่ง บางแห่งเปิดศูนย์การเรียนภาคพิเศษ โดยไม่ขออนุญาต สอศ. บางแห่งเปิดให้บริการไกลจากสถานที่ตั้ง เช่น อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่มาเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ และบางแห่งเปิดให้บริการข้ามจังหวัด ดังนั้น สอศ. จะตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

          "สอศ. ทำการตรวจติดตามประเมินการจัดการศึกษานอกสถานศึกษา เพื่อดูแลคุณภาพรักษามาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาให้ผู้เรียนมีคุณภาพตาม มาตรฐานของหลักสูตร หากพบว่าศูนย์นอกที่ตั้งแห่งใดไม่มีคุณภาพ หรือเปิดสอนโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สอศ. ก็จะดำเนินการตามกฎหมายและไม่ให้รับนักศึกษาเพิ่ม แต่จะดูแลผู้ที่เรียนอยู่จนจบหลักสูตร โดยหาวิธีการที่เหมาะสม เช่น ย้ายไปเรียนที่อื่นที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ สอศ. จะเร่งตรวจประเมินศูนย์นอกที่ตั้งให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้" ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าว


          เลขาธิการ กอศ. กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือ เอสพี 2 เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์วิทยบริการ ในวิทยาลัยสังกัด สอศ. จำนวน 56 หลัง วงเงิน 512.538 ล้านบาท ซึ่งการเสนอของบฯดังกล่าวเนื่องจาก สอศ. เห็นว่า วิทยาลัยยังขาดแคลน ทั้งงบฯลงทุนและครุภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้จัดการเรียนการสอน หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ โดยของบฯไปในวงเงิน 2,400 ล้านบาท แต่สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เห็นควรให้งบฯเพื่อก่อสร้างอาคารเท่านั้น เนื่องจากมองว่า สอศ. ขาดแคลนอาคารมากกว่าครุภัณฑ์ โดยอาคารทั้ง 56 หลังใช้งบฯเฉลี่ยหลังละ 9 ล้านบาท.





ที่มา: เดลินิวส์